บทที่ 10 ตอนที่ 10. ตื่นตกใจ
จางเย่วถิงทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เปรอะสุรา ดวงตาเป็นประกายยั่วล้อแล้วยื่นหน้าไปทางเหิงหยางเซิง
“ข้าไม่ได้อยากเห็นหน้านาง ข้าอยากได้กลิ่นนางต่างหาก”
‘กลิ่น’
ซินหรานตัวเกร็งขึ้นมาทันที นางหันไปมองเจ้าของมือที่บีบข้อมือของนางอยู่ นางเห็นแววตาของเขามีกรุ่นไอโทสะแผ่กระจายออกมาทำให้นางรีบก้มหน้าลง
นางตัวเหม็นรึ?
“จางเย่วถิง” เซิงหรานเซิงเอ่ยเสียงเย็น ทั้งที่รอบกายแผ่ไอร้อนออกมาจนคนไร้วรยุทธ์อย่างซินหรานเหงื่อซึมออกมา
“หือ?” นางส่งยิ้มยียวนไม่เกรงไอโทสะผสานปราณสังหารที่แผ่นกระจายอยู่ในห้องนี้
“ที่บ้านเจ้าไม่มีบุรุษถอนพิษให้หรือไร”
“บุรุษน่ะมี” จางเย่วถิงหัวเราะร่า “แต่บุรุษที่มีลมปราณสูงส่งเช่นเจ้าหาได้ยากยิ่ง”
เหิงหยางเซิงเสียงเสียงรำคาญในลำคอ สะบัดข้อมือที่จับมือเล็กทำให้ร่างเล็กๆ ของซินหรานกระเด็นออกห่างไปหลายก้าว แต่ยังดีที่นางทรงตัวได้ไม่ล้มลงให้ดูน่าอับอาย
“ออกไป!”
“เจ้าค่ะ” ซินหรานเก็บอาการหวาดกลัวของตนได้มิดชิด รีบก้าวออกไปทันที ทว่ายังไม่ทันถึงประตูก็ได้ยินเสียงจางเยว่ถิงร้องเรียกขึ้นก่อน นางจึนหันกลับมาอีกครั้ง
“ซินหราน ปีนี้เจ้าอายุสิบหกแล้ว มิสู้ให้ข้าสอนเรื่องที่สตรีควรรู้ดีหรือไม่”
“เรื่อง... เรื่อง...ที่สตรี...ควรรู้?”
“จางเย่วถิง!”
ซินหรานอ้าปากกว้าง มือใหญ่กวาดสุราอาหารบนโต๊ะลงพื้น และเพียงพริบตาร่างของจางเย่วถิงก็ถูกเหวี่ยงขึ้นมานอนหงายบนโต๊ะนั้นแทน มือใหญ่กระชากเสื้อผ้าของนางออกอย่างรวดเร็วและไม่ไยดีว่าอาภรณ์สีแดงเลือดนกจะกลายเศษผ้าปลิวในห้อง ราวกับกลีบดอกไม้สีแดงที่ปลิดปลิว
หญิงสาวรู้ในทันทีว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น นางรีบหมุนตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็วจนแทบสะดุ้งเท้าตัวเองหกล้ม นางเดินออกไปพ้นประตูได้ มือเล็กปิดบานประตูลงแล้วแต่ยังสั่นอยู่ เสียงครางกระเส่าจากในห้องดังออกมาด้านนอกทำให้นางรีบยกมือออกจากบานประตู ราวกับสัมผัสของร้อน ใบหน้าที่หมดจดแดงจัดและหวาดกลัวผสมปนเปกัน ทว่านางรีบหมุนตัวเดินออกมาไม่หันหลังกลับไปมอง
มือกร้านจากการจับกระบี่จับเรียวขาที่ไร้สิ่งใดปกปิดให้อ้าออกกว้างแล้วจับแก่นกายแข็งแกร่งของตนแทรกลงไปอย่างรวดเร็ว รุนแรงและดุดัน
“อ๊า เจ้า!” จางเย่วถิงได้แต่ครางเสียงหลงเมื่อถูกกระแทกเข้ามาอย่างแรงจนจุก
“อย่ารบกวนสมาธิ ข้ากำลังถอนพิษร้อยชายให้อยู่” จอมมารประมุขพรรคเพลิงอัคนีแสยะยิ้มที่มุมปาก แก่นกายแห่งความเป็นบุรุษถูกโอบรัดแน่นเขาขยับสะโพกถอนตัวเองออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกลงไปอีกครั้งจนร่างเปลือยเปล่านั้นโยกไปด้านหน้า
มือเรียวเกาะลำแขนที่จับเอวของนางไว้มั่นเพื่อรองรับการกระแทกกระทั้นอย่างไม่ปรานี ทว่าในความร้อนรุ่มและเหงื่อกาฬที่ไหลออกจากทุกอณูขุมขนทำให้นางทั้งรู้สึกสบายตัวและเสียวซ่านไปพร้อมกัน สะโพกสอบขยับเคลื่อนไหวลึกล้ำ รุนแรงและถี่กระชั้นแต่กระนั้นบุรุษผู้นั้นยังไม่มีอาการเหนื่อยหอบ ลมหายใจยังคงปกติ มีเพียงแววตาที่เปล่งประกายดุจย้อมด้วยโลหิต
สามปีก่อนจางเย่วถิงพลาดท่าต้องพิษร้อยชาย นางต้องเสพสังวาสกับบุรุษเพื่อบรรเทาความทุรนทุราย แต่ในรอบปีจะมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ร่างกายมีความต้องการมากล้น บุรุษมากมายเพียงใดก็ไม่อาจทำให้นางอิ่มเอม หิวโหยและคลุ้มคลั่ง นางจำเป็นต้องเสพสังวาสกับบุรุษที่มีลมปราณแข็งแกร่งจึงจะบรรเทาความเจ็บปวดทุกข์ทรมานนี้ได้
ร่างเปลือยเปล่าเกร็งกระตุกไปแล้ว แต่บุรุษผู้นั้นพลิกร่างเปลือยให้นอนคว่ำไปกับโต๊ะแล้วเริ่มกระแทกแก่นกายแข็งแกร่งลงไปอีกครั้ง
ดวงตาดุจย้อมโลหิตจองมองแผ่นหลังเปลือยเปล่านั่น พลันเขาคิดถึงร่างเล็กที่อยู่ใต้ร่างของเขาเมื่อคืน แม้เพียงเมื่อครู่ที่เขาใช้พลังเล็กน้อยทำจอกเหล้าในมือนางหลุดมือ หากเขาออกแรงมากกว่านั้นนิดเดียว กระดูกข้อมือของนางคงแตกไปแล้ว
นางคงไม่รู้ตัวเลยสักนิด ซินหรานมีกลิ่นกายหอมจาง นางมีกลิ่นบริสุทธิ์ดุจดอกไม้ป่าและยามนี้นางยังมีกลิ่นสาวพรหมจรรย์แจ่มชัด กลิ่นนางรบกวนสมาธิของเขามากนัก ไม่ว่าจะเสพสังวาสกับหญิงงามนางใด ไม่อาจสลัดกลิ่นกายของนางออกไปจากปอดของเขาได้เลย!
หญิงสาวไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิด แม้สงสัยอย่างไรก็ไม่กล้าปริปากเอ่ยถามใครทั้งสิ้น พ่อบ้านจูโหย่งเจาถ่ายทอดคำสั่งของท่านจอมมาร สั่งให้นางนอนในห้องเก็บฟืน
เพราะเป็นคำสั่งจากจอมมารเหิงหยางเซิงจึงไม่มีใครกล้าเอ่ยปากขอความเมตตาให้นาง แม้แต่อู่ยินและอู่ชิง ส่วนอู่เฉียงนั้นแม้ไม่พูดอะไรออกมาแต่สีหน้าของเขามีความเคร่งเครียดไม่น้อย ซินหรานยิ้มกว้างยื่นมือไปแตะไหล่ของเขาแล้วส่ายหน้าไปมา
“มิใช่ครั้งแรกที่ข้าไปนอนห้องเก็บฟืนเสียหน่อย” นางหัวเราะร่า “มาเถิด ข้าเตรียมเสบียงอาหารแห้งไว้ให้พี่อู่เฉียง ไม่รู้ว่าเดินทางครั้งนี้พี่อู่เฉียงจะไปกี่เดือนกัน”
เสียงถอนหายใจหนักหน่วงดังขึ้นก่อนเอ่ยตอบ “สี่เดือน”
ซินหรานพยักหน้ารับรู้ “เช่นนั้นพี่อู่เฉียงคงกลับมาทันปีใหม่”
“ฮืม” อู่เฉียงไม่รู้เหตุใดนางจึงยังยิ้ม ทั้งที่คืนนี้ตัวนางเองต้องไปนอนในห้องเก็บฟืนที่ทั้งอับชื้นและหนาวเย็นนั้นด้วย
“หัวหน้าพรรคกระเรียนแดงอยู่ที่นี่แค่สามวัน แต่อย่างไรเจ้าระวังตัวด้วย”
ซินหรานหัวเราะเสียงใส มือเรียวตบไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งที่ปกป้องนางมาตั้งแต่เด็ก วงแขนนี้ที่อุ้มนางออกมาจากค่ำคืนที่แสนโหดร้าย
“นางไม่ได้ทำอะไรข้าเสียหน่อย เป็นข้าที่ตกใจไปเอง” ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นมา บางทีการที่ท่านจอมมารสั่งนางให้ไปอยู่ไกลๆ ไม่ต้องเข้ามารับใช้ในช่วงนี้เพราะแม่นางจางเย่วถิงอยู่กับท่านจอมมาร
ใบหน้าอ่อนหวาน พวงแก้มแดงเรื่อ ท่าทีขัดเขินของนางทำให้ อู่เฉียงรู้สึกแน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเป็นฝ่ายต้องเบือนหน้าไปทางอื่น
“ข้าจะไปเตรียมเสบียงอาหารให้ก่อน พี่อู่เฉียงอยากให้ข้าไปช่วยเก็บเสื้อผ้าหรือไม่”
“ไม่ต้องหรอก เดินทางทีไรข้าก็เอาไปแค่ชุดสองชุดเท่านั้น” เพราะเป็นเสื้อผ้าสำหรับปลอมกายจึงจำเป็นต้องเตรียมด้วยตนเอง มิให้นางมาแตะต้อง แม้ที่ผ่านมาเสื้อผ้าของเขาและอู่ยิน อู่ชิง นางช่วยซักตากให้อย่างดี หากขาดก็ซ่อมแซมเย็บปะให้เรียบร้อย
